ปัจจุบันมีตำรายาที่เข้ากฤษณาอยู่หลายชนิด เช่น ยากฤษณากลั่นตรากิเลน ใช้บำบัดอาการปวดท้อง ท้องเสีย จุกเสียด แน่น หรือยาหอมที่เข้ากฤษณาก็มีอยู่หลายขนาน มีสรรพคุณ คือ ใช้แก้ลม วิงเวียนจุกเสียด หน้ามืดตาลาย คลื่นเหียน อ่อนเพลีย บำรุงหัวใจ ขับลมในกระเพาะลำไส้ บำบัดโรคปวดท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น ยาหอมสุคนธโอสถตราม้า มีตัวยาที่สำคัญ คือ กฤษณา โกฐหัวบัว โกฐพุงปลา ชะเอม สมุลแว้ง ชะมด พิมเสน อบเชย กานพลู ฯลฯ ยาหอมตรา 5 เจดีย์ มีตัวยาสำคัญหลายชนิด คือ กฤษณา ชวนพก [Magnolia officinalis Rehd. Et wils] โกฐสอ กานพลู เกล็ดสะระแหน่ อบเชย โกฐกระดูก พิมเสน โสยเซ็ง [Asarum sieboldii Miq.] ฯลฯ ยาหอมทูลฉลองโอสถ ประกอบด้วยตัวยาที่สำคัญ คือ กฤษณา โกฐสอ โกฐเชียง ฯลฯ ยาหอมตราเด็กในพานทอง ตัวยาสำคัญ คือ กฤษณา กานพลู สมุลแว้ง ดอกบุนนาค โกฐหัวบัว ฯลฯ ยาหอมหมอประเสริฐ ตัวยาสำคัญ คือ กฤษณา จันทร์เทศ ผิวส้มจีน เกล็ดสะระแหน่ ฯลฯ
ตำราจีน กฤษณาจัดเป็นยาชั้นดี มีรสเผ็ดปนขม ฤทธิ์อ่อน ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้ลมวิงเวียน คลื่นไส้อาเจียน รักษาอาการปวดแน่นหน้าอก แก้หอบหืด เสริมสมรรถภาพทางเพศ แก้โรคปวดบวมตามข้อ ขับลมในกระเพาะอาหาร ปัจจุบันได้นำกฤษณาไปผลิตยารักษาโรคกระเพาะที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง คือ จับเชียอี่ (สุภาภรณ์, 2537)
ประโยชน์ของกฤษณา
แบ่งตามคุณภาพได้ดังนี้คือ
ไม้ลูกแก่น เป็นไม้คุณภาพดีที่สุด สีดำสนิท ใช้เผาให้เกิดกลิ่นหอม สูดดมแล้วเกิดกำลังวังชา และถือเป็นมงคล ใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา อิสลามในสุเหร่า หรือตามบ้านอภิมหา-เศรษฐี หรือต้อนรับอาคันตุกะพิเศษ
ไม้ปากขวาน (มีคุณภาพสูงกว่าไม้ตกตะเคียน เกิดจากการฟันต้นไม้ ทิ้งไว้ราว 3 ปี มีสีเกือบดำ ถ้าทิ้งไว้เป็นร้อยปีมีสีดำสนิท เป็นไม้เกรด หนึ่ง) จะนำมากลั่นเป็นหัวน้ำหอม โดยนำเนื้อไม้มาป่น เป็นเส้นเท่าเข็มเย็บผ้า ความยาวไม่เกิน 1 เซนติเมตร นำไปตากแห้ง แล้วแช่น้ำไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วนำไปต้มกลั่นด้วยระบบควบแน่น เพื่อให้ได้หัวน้ำหอมบริสุทธิ์ มีสีดำ บรรจุขวดขนาด 1 โตลา หรือ 12.5 ซีซี น้ำหนักประมาณ 11.7 กรัม ราคาในประเทศไทยโตลาละประมาณ 2,500 บาท (มนตรี, 2537) น้ำมันหอมระเหยจากกฤษณานี้ใช้ใน อุตสาหกรรมผลิตน้ำหอมและเครื่องสำอาง ผู้ผลิตน้ำหอม ชาวยุโรปยังสั่งซื้อในราคาสูง เพื่อปรุงแต่งทำน้ำหอมให้มีคุณภาพดี ยิ่งขึ้น ติดผิวกายได้นานขึ้น ส่วนชาวอาหรับจะนิยมใช้น้ำมันหอม มาทาตัว เป็นเครื่องประทินผิว ติดผิวหนังนาน ป้องกัน ตัวแมลงต่าง ๆ ได้อย่างดี นอกจากนั้นยังใช้อุตสาหกรรมเข้าเครื่องยาต่าง ๆ หลายชนิด ส่วนกาก ที่เหลือก็นำไปทำธูปหอมหรือยาหอม
ไม้ตกตะเคียน เป็นไม้คุณภาพรองลงมา(เกิดจากการตัดฟันทิ้งไว้ 6-7 เดือน จนเนื้อไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองจนถึงน้ำตาลเข้ม)
ปัจจุบันประเทศที่นิยมใช้กฤษณามากคือ แถบตะวันออกกลาง และบางประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งมีความต้องการใช้กฤษณาและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เช่น น้ำหอม สาเหตุที่ชาวมุสลิมแถบตะวันออกกลาง นิยมใช้ไม้กฤษณาเพราะศาสนาอิสลามบัญญัติห้ามชาวมุสลิมดื่มสุรา และใช้เครื่องสำอางที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม แต่ให้ใช้เครื่องสำอางและน้ำหอมที่ผลิตได้จากสมุนไพรเท่านั้น ชาวมุสลิมจึงได้นำเอาแก่นกฤษณาหรือไม้สับ (ไม้ที่มีกฤษณาแทรกอยู่ในเนื้อไม้ สีน้ำตาลอ่อน) มาเผาด้วยถ่านหินในเตาขนาดย่อม ที่ออกแบบสวยงามเป็นพิเศษ สำหรับการเผาไม้กฤษณาโดยเฉพาะ เพื่อให้ควันและกลิ่นหอมของกฤษณาติดผิวหนัง หรือสูดดมควันเพื่อเป็นยา รักษาโรคหัวใจ และกลิ่นนั้นสามารถ ป้องกันแมลงหรือไรทะเลทรายมากัดจนเกิดแผลพุพองได้ ชาวมุสลิมที่มีฐานะดี นิยมปรุงแต่งผิวกายด้วยน้ำหอมจากไม้กฤษณา ให้เป็นกลิ่นหอมประจำตัว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร จากความนิยมมีน้ำหอมเฉพาะตัวเช่นนี้ ทำให้ได้กลิ่นก็สามารถบอกได้ว่าเป็นบุคคลใดทั้ง ๆ ที่ยังไม่เห็นตัว รวมถึงการใช้ไม้กฤษณาต้อนรับแขกผู้มาเยือน ซึ่งถือว่าเป็นการให้เกียรติแขกอย่างสูง อันเป็นวัฒนธรรมของชนชาวมุสลิมแถบตะวันออกกลาง
ประโยชน์อย่างอื่นของกฤษณา
เปลือก ให้เส้นใย ใช้ทำเสื้อผ้า ถุงย่าม ที่นอน เชือก และกระดาษ
ด้านสมุนไพร สรรพคุณตามตำราไทยคือ
เนื้อไม้ บำรุงโลหิตในหัวใจ บำรุงตับและปอดให้เป็นปกติ แก้ลม แก้ลมซาง แก้ลมอ่อนเพลีย ทำให้ชุ่มชื่นใจ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ไข้ บำรุงโลหิต รักษาโรคปวดข้อ
แก่นไม้ บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงตับและปอดให้ปกติ
น้ำมันจากเมล็ด รักษาโรคผิวหนัง แก้โรคเรื้อน แก้มะเร็ง
ไม่ระบุส่วนที่ใช้ บำรุงโลหิต แก้ตับและปอดพิการ แก้ไข้เพื่อเสมหะและลม บำรุงโลหิตในหัวใจ ทำตับปอดให้ปกติ คุมธาตุ
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ลดความดันโลหิต
ด้านการเป็นไม้ประดับ ความสนใจของไม้ต้นนี้คือ รูปทรงของลำต้นเป็นรูปเจดีย์คว่ำใบหนาเป็นมันดูเข้มแข็ง และไม่ผลัดใบ เป็นไม้ที่หายาก และมีคุณค่าสูงมาก ถือเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง ปลูกไว้เป็นไม้ประดับได้สวยงาม แต่ควรพิจารณาพื้นที่ปลูกให้เหมาะสม
|